วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

Jyuzaengi Engetsu Sangokuden 2 [Prologue]

สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้งนึง >w< เป็นยังไงบ้างคะ ? ปิดเทอมได้ไปเที่ยวไหนบ้างเอ่ย ?
บางคนเห็นหัวข้อบทความของแล้วอาจจะบ่นว่า... รีวิวเกมนี้อีกแล้วเรอะ ?
ถ้ามีใครบ่นแบบนั้นจริงๆก็ขออภัยค่ะ พอดีชอบเกมนี้จนถอนตัวไม่ได้เลย (ฮา) m( _  _ );m

วันนี้จะมาสปอย Prolouge เนื้อเรื่องเริ่มต้นก่อนที่จะแยกเข้ารูทตัวละครนั้นๆค่ะ... แปลผิดยังไงก็ขออภัยล่วงหน้านะคะ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ตอนเริ่มต้นจะมีการบรรยายถึงเนื้อเรื่องเมื่อภาคที่แล้ว พอบรรยายจบก็จะตัดมาที่เนื้อเรื่องบทที่1ของภาคนี้ซึ่งผ่านมาแล้วครึ่งปี

เปิดมาเล่าปี่กับเตียวหุยกำลังเล่นซ่อนแอบกันอยู่ ซึ่งเล่าปี่นั้นเป็นฝ่ายหาเตียวหุย เตียวหุยบ่นว่าทำไมหาเจออีกแล้วล่ะ !!  เล่าปี่ก็บ่นว่าเตียวหุยไม่ตั้งใจซ่อนเองนี่นา พอเสร็จเตียวหุยก็ต้องเป็นยักษ์ ไปตามตัวเล่าปี่ เตียวหุยบอกว่าจะหาเจอให้ได้เลย !
ตัดมาฝ่ายเรากับจูล่งที่กำลังตากผ้าอยู่ไม่ไกลนักก็พูดกันว่าทั้งเล่าปี่กับเตียวหุยท่าทางจะสนุกน่าดู ซึ่งก็คุยกันอยู่จู่ๆก็....

เล่าปี่ก็มาถามหาว่าไม่มีที่ไหนจะให้ซ่อนแล้วเหรอ จูล่งก็บอกว่างั้นมาหลบหลังเขามั้ย ? เราก็บอกว่าให้มาหลบอยู่หลังผ้าดีกว่า เล่าปี่ก็บอกว่าซ่อนตรงหลังผ้าดีกว่า อย่าไปบอกเตียวหุยเชียวล่ะ เราก็โอเคตามที่เล่าปี่บอก

พอเล่าปี่ซ่อน เตียวหุยก็ตามมาพอดีบ่นถามหาว่าเห็นเล่าปี่บ้างไหม ? เราก็ผงะไปนิดนึงแล้วก็บอกว่าเล่าปี่ไม่ได้มาทางนี้นะ เตียวหุยรู้ก็บอกว่า ความจริงแล้วเห็นเล่าปี่มาทางนี้ใช่ไหมล่ะ ? ก็พี่น่ะโกหกไม่เก่งหรอก จากนั้นก็จะคะยั้นคะยอเราช่วยบอกว่าเล่าปี่ไปทางไหน จากนั้นจูล่งก็พูดให้ให้เตียวหุยเลิกถามเราซะทีเถอะ เตียวหุยก็เซ็ง ถามว่าแล้วนายล่ะ ! ทำไมถึงมาอยู่กับเราด้วยกันสองต่อสองแบบนี้! จูล่งตอบว่า ก็มาช่วยตากผ้านะสิ จากนั้นเตียวหุยก็เหมือนทำท่าจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูดแล้วบอกว่าจะไปตามหาเล่าปี่ที่อื่นแล้ว ! แล้วก็วิ่งจากไป ( เชื่อสิว่าต้องงอนแหง่มๆ เจ้าเตียวหุยบากะ ... ) พอเตียวหุยวิ่งออกไปเล่าปี่ก็โผล่มา บอกว่าทั้งที่อยู่ใกล้อย่างนี้แต่เตียวหุยไม่รู้สึกตัวเลยเนอะ อ๊ะ! งั้นเดี๋ยวไปซ่อนที่อื่นต่อนะ แล้วก็จากเราไปอีกคน จากนั้นเราก็คุยกับจูล่งนิดหน่อย แล้วเตียวสิเพงก็โผล่มา เราถามว่าลุงเตียวสิเพงไปไหนมาเหรอ ( จากตรงนี้ขอเรียกสั้นๆว่าลุงเตียวนะคะ ... ) ลุงเตียวก็บอกว่าไปสำรวจหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆมาน่ะ จูล่งก็ถามว่าเป็นยังไงบ้างล่ะ ลุงเตียวก็บอกว่า ไม่เจออะไรที่พิเศษ เราก็ทำหน้ากังวล ลุงเตียวก็บอกว่าอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เพื่อท่านเล่าปี่ก็ต้องค่อยๆเป็นๆค่อยๆไป อีกอย่างที่นี้คือดินแดนของโจโฉนะ เพราะอยู่ที่นี้เลยไม่มีพวกมนุษย์มาวุ่นวายเท่าไหร่ จูล่งก็พูดต่อ ที่พวกเผ่าแมวอยู่ที่นี้ได้ก็เพราะโจโฉนั้นแหละ แต่ยังไงก็คงออกไปจากที่นี้ไม่ได้อยู่ดีนั้นแหละ เราก็พูดไปว่า นั้นสินะ แล้วก็คิดในใจว่า โจโฉอยากจะทำอะไรกับพวกเรากันแน่ จากนั้นเหมือนพวกเผ่าแมวมุงกันจนเสียงดัง เรา จูล่ง และลุงเตียวเลยเดินเข้าไปดู พอถึงลุงเตียวก็ถาม เตียวโซโซ ( จากตรงนี้เราจะเรียกย่อๆว่า โซโซ ) บอกว่า พวกของโจโฉมาที่นี้น่ะ แล้วกวนเตงก็บอกต่อว่า เจ้าพวกนั้นมาที่หมู่บ้านนี้นี่เรื่องใหญ่เลยนะ ! จูล่งก็เปิดประเด็นต่อพูดว่า มาพร้อมกันแบบนั้น จะทำอะไรกันแน่? ลุงเตียวเลยอาสาว่า จะไปคุยกับโจโฉเอง ให้พวกเรารออยู่ที่นี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ดูแลท่านเล่าปี่ด้วย

จากนั้นก็จะมีตัวเลือกว่า เราจะไปด้วยหรือเราจะรอให้ลุงเตียวไปคุยกับโจโฉเอง... คิดว่าเราจะเลือกข้อไหนคะ ? ...... เราเลือกข้อแรกค่ะ คิดถึงโจโฉ ///// w /////  ( ได้ข่าวว่าโจโฉคนละฝ่ายไม่ใช่เรอะ? )

พอเราบอกว่าจะไป จูล่งก็บอกว่าจะไปด้วย ลุงเตียวก็บอกช่วยไม่ได้เลยไปด้วยกันทั้งสามคน จูล่งบอกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาจะปกป้องเราเอง ( สุภาพบุรุษจริงๆ พ่อหนุ่มคนนี้ ) เราตอบไปว่าขอบคุณนะ แต่ไม่เป็นไรแน่นอน ...

พอมาเจอโจโฉปุ๊บ เราก็ถามว่าวันนี้มาทำอะไรกันที่นี้ โจโฉก็ทักเราว่า ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ อยากเจออยู่พอดี ( เก๊าก็อยากเจอเหมือนกัน //// v //// ) ตัวเราเมินไม่สนใจที่โจโฉทักมา ถามต่อว่ามาสำรวจหมู่บ้านอย่างนั้นเหรอ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเพราะฉะนั้นไม่เป็นไรหรอก โจโฉตอบว่า งั้นเหรอ,แน่นอนว่ามาก็เพราะต้องตรวจดูหมู่บ้านนี่แหละ แต่ที่ฉันอยากเจอเธอน่ะคือเรื่องจริงนะ จูล่งก็สงสัยถามโจโฉว่าหมายความว่ายังไงกัน โจโฉบอกว่าหมู่บ้านแห่งนี้ดูไม่วุ่ยวายดีนะ แต่ตอนนี้ฉันอยากจะมองหน้าของเธอมากกว่า พอๆ สรุปประเด็นที่โจโฉมาที่หมู่บ้านแห่งนี้เพราะเขาจะให้พวกเราออกไปรบ ลุงเตียวถามว่าทำไมล่ะ โจโฉบอกว่าเพราะเขาต้องการทุกๆอย่างมาไว้ในมือของเขานะสิแล้วพลังของเผ่าแมวก็จำเป็นต่อการรบ เพราะฉะนั้นเตรียมตัวไว้ให้ดีล่ะ เราก็เงียบไม่พูดอะไร โจโฉบอกว่าถึงจะเงียบแบบนั้นแต่เขาก็รู้ว่าความจริงแล้วเราไม่อยากออกไปสู้หรอก แต่ยังไงซะก็อย่าลืมว่าชีวิตของพวกเธอน่ะอยู่ในกำมือของฉัน จำเอาไว้ให้ดีล่ะ แล้วก็จากไปพร้อมกับแฮหัวตุ้น พอจากไปเราก็คิด 'น่าตกใจอยู่หรอก แต่ว่าพูดอะไรไม่ออกเลย โจโฉเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ ' ลุงเตียวกับจูล่งก็พูดกันว่ายังไงก็ต้องออกไปรบอยู่ดีสินะ

ตัดมาหลังจากรบเสร็จ คืนนั้นเรานอนอยู่กับเล่าปี่เราหันไปมองพระจันทร์ที่อยู่ข้างนอก แล้วอยู่ดีๆเล่าปี่(ที่ไม่ได้มีความคิดเป็นเด็กๆเหมือนตอนเมื่อกี้ เพราะความจริงเห็นแบบนั้นแต่อายุ 15 แล้วนะ)ก็ทักเราว่าพระจันทร์ที่อยู่ข้างหน้าเราน่ะงดงามดีนะ จากนั้นเรากับเล่าปี่ก็คุยกัน

แต่ว่าก่อนหน้านั้นต้องเล่าเกี่ยวกับตัวเล่าปี่นิดนึง ตัวเล่าปี่นั้นพอเกิดมาก็ได้รับคำสาปดวงตาสีทอง ถ้าเราแปลไม่ผิดถ้าคืนไหนเป็นคืนจันทร์เสี้ยว เล่าปี่ที่มีความคิดตามอายุจริงๆของเขาจะโผล่มา แต่ถ้าไม่ใช่คืนจันทร์เสี้ยวดวงก็มีความคิดแบบเด็กๆ

แต่ทว่าคืนนั้นที่เรากับเล่าปี่คุยกันมันเป็นคืนจันทร์เต็มดวง ... เล่าปี่เลยบอกว่า รู้สึกได้ว่าพลังของคำสาปน่ะอ่อนแอลง เราเลยบอกว่า ไม่แน่,พรุ่งนี้เล่าปี่อาจจะได้พบกับเผ่าแมวทุกๆคนก็ได้ เล่าปี่ก็ตอบว่า นั้นสินะ แต่อยู่ดีๆก็บอกว่า เขาน่ะกลัวว่าความสุขนี้จะหายไป เราก็พูดปลอบเล่าปี่ จากนั้นเล่าปี่ก็หลับไป...

แต่นอนอยู่ดีๆก็เกิดเสียงผู้คนแตกตื่น เราเลยตื่นขึ้นมา แล้วก็เจอกับเตียวหุย เราถามเตียวหุยว่าเกิดอะไรขึ้น !!? เตียวหุยบอกว่า พวกมนุษย์ที่อยู่ใกล้ๆหมู่บ้านเราบุกเขามา จากนั้นโซโซก็โผล่มา พูดว่าตอนนี้พวกเราแตกตื่นกันใหญ่เลย จากนั้นกวนเตงก็โผล่มา เตียวหุยก็บอกให้เรารีบๆไปปกป้องทุกคน เราก็ตอบอืม ... แต่เดี๋ยวก่อน เล่าปี่อยู่ที่ไหนล่ะ !!? กวนเตงก็บอกห้ะ ! จริงสิ ในสถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะ ! เราเลยขอร้องทั้งสามคนว่าช่วยหยุดพวกมนุษย์ที ส่วนเราจะไปตามหาเล่าปี่เอง ทั้งสามคนก็บอกว่าเข้าใจแล้ว แต่รีบๆตามหาเล่าปี่ให้เจอล่ะ !

เราออกจากตัวบ้าน แล้วก็เจอกับลุงเตียวและจูล่ง จูล่งถามเราว่าเราตามหาเล่าปี่อยู่ใช่ไหม เราก็กระวนกระวายบอกว่าถ้าเล่าปี่เป็นอะไรไปละก็ จูล่งเห็นแบบนั้นก็บอกให้เราตั้งสติให้ดีๆ แล้วก็เล่ายาวเหยียด ลุงเตียวบอกว่าถ้าพวกเราตามหาเล่าปี่เจอก็ต้องหนีซะ เราก็ชะงัก หมายความว่าให้ออกจากหมู่บ้านนี้นะเหรอ แต่ลุงเตียวบอก ไม่ว่ายังไงก็ออกไป ต้องทิ้งหมู่บ้านนี้ไปซะ ! เราก็ตกใจแต่ก็ต้องยอมรับ ลุงเตียวก็กลับมาย้ำอีกทีว่าถ้าพวกเราตามหาเล่าปี่เจอก็ต้องออกจากหมู่บ้านแห่งนี้ซะ แล้วก็บอกให้จูล่งช่วยพาเด็กกับผู้หญิงหนีไปก่อน ส่วนเขาจะไปตามหาเล่าปี่กับเรา ก่อนจากไปจูล่งก็บอกให้เราระวังตัวด้วย เขาจะปกป้องทุกๆคนให้ดู จะไม่ให้เราต้องเจ็บปวดเด็ดขาด ! พอจูล่งไปเรากับลุงเตียวก็แยกกันตามหาเล่าปี่

เราตามหาเล่าปี่เท่าไหร่ก็ไม่เจอ ดันไปเจอกับพวกมนุษย์ เราก็โต้กลับ แต่แล้วเราก็ได้ยินเสียงเล่าปี่ เราก็มองหาว่าอยู่ที่ไหน แล้วเราก็เห็นเล่าปี่กำลังโดนพวกมนุษย์รุมล้อม เราตะโกนบอกเล่าปี่ว่าจะไปช่วยเดี๋ยวนี้ล่ะ เล่าปี่ก็ดีใจเรียกชื่อเรา แต่ทว่าบรรยากาศพวกมนุษย์ที่อยู่รอบๆตัวเล่าปี่นั้นเร่งเร้าให้ฆ่าเล่าปี่ซะ เล่าปี่บอกว่า น่ากลัว... เราก็รีบไปหาเล่าปี่พร้อมกับพวกมนุษย์ที่ส่งเสียงเร่งให้ฆ่านั้นเข้ามาใกล้เล่าปี่เรื่อยๆ ...

มนุษย์ :"ฆ่ามันนนนนนนนนนนนนนนนนน"
เล่าปี่   :"อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา"
เรา      :" ไม่นะะะะะ เล่าปี่ !!!!!!! "

เคร้ง !!

เรา      : " !? "
มนุษย์ : "อะ...อะไรกันน่ะ แก ! "
"ให้ตายสิ , ชอบเอาแต่ตะโกนพูดว่าจะฆ่าอยู่ได้ ช่างเป็นสิ่งที่ขำพึลึก แบบนี้อยู่นิ่งไม่ไหวแล้วล่ะ "
เราก็งงว่านั้นใช่เล่าปี่จริงๆนะเหรอ เล่าปี่ทักเราบอกว่า ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ (แถมยิ้มแบบข้างบนนั้นด้วยล่ะ โนวววว เอาเล่าปี่คนเดิมคืนมาาาาาาา) เราก็ถามว่าทำไมกัน เล่าปี่( ซึ่งกลายเป็นดาร์คเล่าปี่ไปแล้ว )บอกว่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ก็ดีแล้วล่ะ เราก็งง หมายความว่ายังไง เล่าปี่ก็ตอบว่า เพราะผมสามารถไม่ปล่อยให้เธอหนีไปไหนได้อีกครั้ง แบบนั้นนะ ดีใจมากๆเลยล่ะ เราก็บอกเดี๋ยวก่อน ! พวกมนุษย์ที่เห็นท่าทางทีต่างไปจากเดิมก็พูดขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือว่า แกเป็นตัวอะไรกันแน่ ?!! พอได้ยินอย่างนั้นเล่าปี่ก็บอกว่า ก็เป็นปิศาจนะสิ พอพวกมนุษย์ได้ยินแบบนั้นก็เร่งเร้าให้รีบๆฆ่าซะ  เล่าปี่ก็บอกว่าน่าสนุกดีนี่ เดี๋ยวจะฆ่าซะให้หมดเลย เราก็บอกให้เล่าปี่หยุดแต่ก็ไม่ทันการ ... แต่คนที่โดนแทงนั้นกลับเป็น ....
"...ไม่ได้นะ...ท่าน...เล่าปี่..."

คนที่โดนแทงนั้นกลับกลายเป็นลุงเตียวนั้นเอง ... ( ไม่นะคะลุงงง ; w ; ) ทั้งเราและเล่าปี่ก็ช็อกไปตามๆกัน ลุงเตียวบอกว่า ถ้าท่านเล่าปี่นั้นฆ่าคนไป พลังของคำสาปจะแข่งแกร่งขึ้น ท่านคือความภาคภูมิใจของพวกเรา เพราะฉะนั้นได้โปรดอย่ายอมแพ้กับคำสาปนั้นด้วย ลุงเตียวก็พูดไปกระอักเลือดไป เรานั้นยังช็อกอยู่หน่อยๆ แต่เหมือนเล่าปี่นั้นพูดอะไรไม่ออกเลย พวกมนุษย์พอเห็นแบบนั้นก็เร่งที่จะจัดการพวกเรา ลุงเตียวเลยบอกว่าให้เราพาเล่าปี่หนีไปซะ เราก็ถามแล้วลุงเตียวล่ะ ลุงเตียวก็บอกว่าเขาไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าเกิดเธอก็ไม่สามารถปกป้องท่านเล่าปี่ได้จะทำยังไง !? เราก็ต้องจำยอมพาเล่าปี่หนีออกไปจากหมู่บ้านนี้ตามที่ลุงเตียวบอก เราบอกลุงเตียวว่า ต้องตามมาให้ได้นะ ! 

พอพวกมนุษย์เห็นว่าเล่าปี่หนีไปก็จะรีบตาม แต่ลุงเตียวบอกข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ ! ผช.ในกลุ่มก็โวย จะตายอยู่แล้วยังจะมาอวดดีอีก แล้วก็กำลังจะโจมตีใส่ลุงเตียว แต่ขณะนั้น เตียวหุยก็โผล่มาช่วยไว้ทันพอดี เตียวหุยเห็นสภาพลุงเตียวก็ตกใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ผช.ในกลุ่มก็ตะโกนหาเรื่อง ว่านายอยากตายอีกคนสินะ เตียวหุยฟังก็ฉุนเลยโจมตีใส่ จนคนทั้งหมดนั้นวิ่งหนีไป ลุงเตียวบอกว่า เตียวหุยช่วยเขาไว้พอดี เตียวหุยเห็นท่าไม่ดีบอกให้ ลุงเตียวอยู่เฉยๆเถอะ แต่ลุงเตียวบอกให้รีบออกไปซะ ก่อนที่พวกมนุษย์จะตามมาอีก ซึ่งเตียวหุยวิ่งออกจากหมู่บ้านไปด้วยกัน

ตัดมาที่ซอกภูเขา ลุงเตียวบอกว่าเขาจะอยู่ที่นี้รับมือกับพวกมนุษย์ไว้เอง ให้เตียวหุยหนีไปซะ เตียวหุยก็เถียงจะให้ทิ้งลุงได้ไง ต้องไปด้วยกันสิ  ถ้าลุงไม่ไปทุกๆคนต้องเสียใจแน่ๆ ลุงเตียวก็บอก นายไม่เข้าใจรึยังไง ฉันน่ะไม่สามารถช่วยใครได้อีกแล้ว เตียวหุยก็ไม่ยอม จะให้ลุงเตียวไปกับเขาให้ได้ ลุงเตียวก็พูด บอกว่าฟังซะ ! ฉันรู้ว่านายน่ะแข่งแกร่งกว่าใครๆ ฉันจะรับมือไว้เอง นายน่ะต้องปกป้องพวกเราทุกๆคนนะ ! เตียวก็บอกอย่ามาพูดแบบนี้สิ ลุงเตียวก็บอก ให้หนีไปซะมองแค่ทางด้านหน้าเท่านั้น ห้ามหันหลังกลับมาเด็ดขาด ! เตียวหุยก็ยังไม่ยอม จนสุดท้ายลุงเตียวตะโกนบอก ถ้าเข้าใจแล้วก็ไปซะ !! เตียวหุยก็ชะงักไป แล้วก็วิ่งออกไปพร้อมกับร้องด้วยความเจ็บปวด ลุงเตียวก็มองเตียวหุยที่วิ่งจากไปแล้วพูดว่า ฝากทุกๆคนด้วยนะ  ...

ตัดมาที่ป่า จูล่งกำลังคุมทุกๆในเผ่าแมวให้หนีไป แล้วก็พบกับเราที่วิ่งมากับเล่าปี่ จูล่งเห็นเลือดเปื้อนหน้าเล่าปี่ก็ถามว่าเล่าปี่ได้รับบาดเจ็บเหรอ เราก็บอกว่านี่ไม่ใช่เลือดของเล่าปี่หรอก แต่เป็นเลือดของลุงเตียว พอจูล่งได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ ถามเราว่าแล้วท่านสิเพงล่ะ ? เราก็กำลังจะบอก แต่จู่ๆก็เกิดเสียงระเบิดขึ้น เสียงนั้นเป็นเสียงระเบิดจากภูเขา เราเห็นแบบนั้นก็ตกใจ จนมีคนทักเมื่อเห็นเตียวหุยมา เราก็ดีใจที่เตียวหุยไม่ได้เป็นอะไร แล้วถามใหญ่ว่าเห็นลุงเตียวไหม ไม่ได้มาด้วยเหรอ เตียวหุยก็ตอบบอกว่า ลุงเตียวเสียสละตัวเองเพื่อให้ทุกคนได้หนีไป เสียงระเบิดตรงภูเขานั้นไม่แน่ พวกมนุษย์คงตามมาไม่ได้แล้วล่ะ จูล่งก็พูด ถ้าอย่างนั้นก็.... เราก็ถามเตียวหุยว่า หมายความว่ายังไงกัน ลุงเตียวจะไม่ตามมาแล้ว ? เตียวหุยก็เงียบไป แล้วบอกว่าจะให้ชีวิตของลุงสูญเปล่าไม่ได้นะ เรากับจูล่งก็ตกใจ เตียวหุยบอกเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับการให้ทุกคนหนีไป เพราะฉะนั้นรีบๆเถอะ จูล่งก็เหงื่อตกบอกว่าเข้าใจแล้ว ส่วนเราที่ยังทำใจไม่ได้ ก็พูดออกมาว่า ทั้งที่สัญญาไว้แล้วว่าจะไปกับทุกคน สร้างหมู่บ้านใหม่ด้วยกันแท้ๆ  !!
คนซ้าย - เตียวโซโซ , คนขวา - กวนเตง
สักพักคนในเผ่าก็พูดออกมา แล้วแบบนี้จะทำยังไงต่อล่ะ จะหนีไปที่ไหนดี กวนเตงก็เสนอบอกว่าให้กลับไปที่เมืองของโจโฉไหม โซโซก็แย้งพูดว่า เจ้าบ้ากวนเตง ถ้ากลับไปที่นั้นเราก็ต้องอยู่แบบเดิมนั้นแหละ ! แต่ไหนพวกมนุษย์ก็เกลียดชังเผ่าเราอยู่แล้ว เพราะอย่างนั้น ลุงเตียวถึงได้.... พอกวนเตงเห็นแบบนั้นก็บอกขอโทษโซซ จูล่งพูดต่อ ก็ถูกอย่างที่โซซว่านั้นแหละ ถ้าเรากลับไปหาโจโฉอีกก็คงต้องโดนบังคับให้สู้อีกนั้นแหละ เราก็พูดขึ้นต่อ พวกเราไม่มีที่ไหนที่จะให้ไปอีกแล้วเหรอ ? จากนั้นก็มีเสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า เดินไปทางแคว้นใต้กันเถอะ ... เสียงนั้นคือเสียงเล่าปี่ (ที่มีความคิดแบบผู้ใหญ่) ทุกๆคนรวมทั้งเราก็อึ้งกัน เล่าปี่พูดต่อ บอกว่าอยากให้ทุกคนฟังดีๆ เล่าปี่บอกเขานี่แหละที่เป็นคนฆ่าลุงเตียว ทุกคนก็ตกใจ เล่าปี่พูดต่อ เพราะผลของคำสาปก็เลยเป็นแบบนั้น แล้วก็พูดถึงคำพูดที่ลุงเตียวพูดไว้กับตน เล่าปี่บอกต่อว่าเขาน่ะไม่รู้ว่าจะได้อยู่กับทุกๆคนอีกนานไหม แต่เขาอยากจะปกป้องทุกๆคน อยากแข็งแกร่งมากกว่านี้ แล้วบอกต่อว่า ถ้าทุกคนคิดว่าจะได้อยู่กับเขาอีก ก็ให้เดินทางไปแดนใต้เถอะ เพราะว่าที่นั้นไม่มีการแบ่งแยก แล้วแคว้นเหนือทั้งหมดนั้นก็ตกอยู่ภายใต้โจโฉเกือบหมดแล้วด้วย หลังจากนั้นเล่าปี่ก็พูดให้กำลังใจ แล้วบอกกับทุกคนว่าไปทางแดนใต้กันเถอะ ! 

ตัดมาอีกด้านนึงซึ่งเป็นที่ไหนก็ไม่รู้ นายทหารคนนึงบอกว่า ถ้าเราทราบว่าพวกเผ่าแมวจะไปที่ไหนจะรายงานให้ทราบ คนๆนั้นก็บอกว่างั้นเหรอ.... งานยากเลยสิเนี่ย แล้วก็พูดอะไรต่อเนี่ยแหละ (ฟังไม่ทันค่ะ พูดเร็วเกินไปแล้วววว) จากนั้นก็จบบทที่ 1

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
บทที่2 

ตัดมาที่ชั้นใต้ดินที่นึงในเมืองซีจิ๋ว เตียวเลี้ยวนั้นพูดกับตัวเองว่าจะทำยังไงต่อดี ในเมื่อเจ้านายของตน(ลิโป้)ก็ตายไปแล้ว อย่างนั้นการที่เขาอยู่ที่นี้คนเดียวจะมีความหมายอะไรล่ะ จากนั้นเตียวเลี้ยวก็เดินออกไปจากที่แห่งนี้
คนซ้าย - กาเซี่ยง , คนขวา - กุยแก

คนซ้าย - แฮหัวเอี๋ยน

ตัดมาทางฝั่งโจโฉซึ่งอยู่นอกเมือง เหมือนพวกโจโฉจะมาสำรวจอะไรเนี่ยแหละ กาเซี่ยงบอกว่า ลิโป้ก็ตายไปแล้วก็กลับฟื้นคืนมาไม่ได้หรอก อย่าใช่เวลาให้เสียเปล่าเลยน่า แฮตุ้นก็บอก ทั้งที่มาใหม่แท้ อย่าพูดกับท่านโจโฉด้วยปากแบบนั้นนะเฟ้ย ! (ไม่ว่าภาคไหนเขาก็รักเจ้านายจริงๆแฮะ ...) แล้วจากนั้นก็กลายเป็นว่ากุยแกก็เข้ามาแจมพูดด้วยอีกคน แฮหัวเอี๋ยน( จากตรงนี้ไปเราจะเรียกย่อๆว่า แฮเอี๋ยน )บอกว่า ถ้าแกทั้งสองคนทำอะไรบ้าๆกับพี่ฉันละก็ ฉันไม่ยกโทษให้เด็ดขาด ! (ตานี้ก็บราค่อน เอ๊ย รักพี่เกิ๊นนน) วุ่นไปมาสักพัก สุดท้ายโจโฉก็บอกให้หยุดเถียงกันซะ กาเซี่ยงก็บอกโจโฉ ว่าที่ซีจิ๋วมันคงไม่มีอะไรแล้ว แต่พูดไปแปบเดียวก็เห็นเตียวเลี้ยวที่เดินผ่านมาพอดี แฮตุ้นเห็นก็ถามว่ามาทำอะไรที่นี้กันแน่ เตียวเลี้ยวก็ตอบ ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ ความจริงแล้วก็คือไม่มีอะไรให้ทำสักหน่อย แฮตุ้นบอก อะไรละนั้น เตียวเลี้ยวบอก พอท่านลิโป้ไม่อยู่แล้วก็เลยไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีน่ะ กุยแกก็บอก ไม่ไปทำในสิ่งที่ชอบไม่ดีกว่าเหรอ ? เตียวเลี้ยวก็ถาม สิ่งที่ชอบอย่างนั้นเหรอ ? กุยแกบอก ก็ในเมื่อไม่ได้ผูกมัดกับใครแล้วน่ะหมายความว่าก็เป็นอิสระแล้วยังไงล่ะ แฮเอี๋ยนก็บอก ให้กุยแกอยู่เงียบๆไปเลย ขณะนั้นที่เตียวเลี้ยวกำลังคิดถึงในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ กาเซี่ยงกับโจโฉก็ปรึกษากัน แล้วโจโฉก็พูดชักชวนให้เตียวเลี้ยวมาอยู่กับตน เตียวเลั้ยวเขาก็บอกว่ายังคิดในสิ่งที่อยากทำไม่ออก โจโฉก็พูดชักชวนต่อไป จนเตียวเลี้ยวนึกออกว่าสิ่งที่อยากทำนั้นมีเพียงอย่างเดียว โจโฉก็เงียบไป (...อารมณ์ประมาณว่า ที่พูดไปเมื่อกี้นายไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม ) เตียวเลี้ยวบอกว่าเขาอยากไปอยู่เคียงข้างคนๆนั้น ที่มีความอบอุ่นแล้วอ่อนโยนกว่าใครๆหรือก็คือคุณผู้หญิงเผ่าแมวคนนั้น (หมายถึงเรานั้นแหละ) กาเซี่ยงก็ขัด บอกว่าตอนนี้เตียวเลี้ยวเข้าใจสถานะของตัวเองไหม จากนั้นกาเซี่ยงก็ช่วยพูดกล่อมให้เตียวเลี้ยวมาอยู่ฝ่ายตนให้ได้ แฮตุ้นก็ถามโจโฉว่า จะเอาเตียวเลี้ยวมาอยู่กับฝ่ายเราจริงๆเหรอ !? โจโฉก็บอก ว่าถ้าใครมีประโยชน์กับฝ่ายตนเขาก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ กาเซี่ยงก็พูดชักชวนเตียวเลี้ยว แต่เตียวเลี้ยวก็ยังตอบไม่แน่นอน จนกระทั่งทหารฝ่ายโจโฉได้มาแจ้งข่าวเรื่องที่หมู่บ้านเผ่าแมวถูกโจมตี จนพวกเขาทั้งหมดต้องหนีออกจากที่แห่งนั้น โจโฉก็ตกใจ กุยแกก็ถาม แล้วรู้รึเปล่าว่าหนีไปที่ไหน ทหารบอก เขาก็ไม่ทราบเหมือนกัน ทำเอาโจโฉหนักใจเลยทีเดียว จนกระทั่งโจโฉบอกให้แฮตุ้นกลับไปที่เมืองพร้อมกับเขาซะ แฮตุ้นก็ตกใจ โจโฉบอกแฮตุ้นว่า ลืมไปแล้วเหรอ ว่าพลังของเผ่าแมวนั้นเหนือกว่าพลังของมนุษย์มากนัก แล้วโจโฉก็บอกให้กุยแกทำหน้าที่คุมทัพไปโจมตี ส่วนเขา แฮตุ้น แฮเอี๋ยน และก็กาเซี่ยงจะกลับเมือง ซึ่งทั้งหมดก็รับทราบ สุดท้ายโจโฉบอกเตียวเลี้ยวว่า จะพูดเป็นครั้งสุดท้าย จงมากับฉันซะ เตียวเลี้ยวก็ถามว่าจะไปหาพวกเผ่าแมวใช่ไหม พอโจโฉบอกว่าใช่ เตียวเลี้ยวก็บอกว่าเขาจะตามไปด้วย 


 

ตัดมาฝ่ายเราที่เดินๆอยู่ดีๆก็มีคนมาทัก ว่าในที่สุดก็หาจนเจอ ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณเผ่าแมวทุกๆคน โซโซก็ไม่ไว้ใจบอกว่า นายเป็นใครน่ะ ?!!  (ประมาณว่าหลังจากที่ลุงแท้ๆของตนตายไป ความเชื่อใจต่อมนุษย์ทุกคนก็พลอยต่ำไปด้วย ) เขาคนนั้นก็บอกขอโทษ แต่เขาไม่ได้ประสงค์ร้ายกับทุกคนหรอก แล้วก็แนะนำตัวว่าเขาเป็นลูกคนโตของเล่าเปียวแห่งแคว้นเกงจิ๋ว ชื่อเล่ากี๋ จูล่งก็ตกใจ อะไรนะลูกของท่านเล่าเปียวเองอย่างนั้นเหรอ เราก็ถามว่า รู้จักด้วยอย่างงั้นเหรอ จูล่งก็บอกใช่แล้วล่ะ ท่านเล่าเปียวนั้นครองแคว้นอยู่ทางใต้ ซึ่งก็คือแคว้นเกงจิ๋วนั้นแหละ เล่ากี๋เขาบอกว่าถูกท่านพ่อส่งมาต้อนรับเผ่าแมวทุกคน แต่โซโซก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี เราเลยบอกเล่ากี๋ว่า ช่วยตอบมาอย่างนึงได้ไหม ว่าทำไมพวกคุณถึงอยากจะช่วยพวกเราขนาดนี้ ? เล่ากี๋บอก แน่นอน ก็เพราะมันสมควรแล้ว อีกอย่างนึงเพราะเรากำเนิดมาจากบรรพบุรุษคนเดียวกัน จูล่งก็งงว่าหมายความว่ายังไง เล่ากี๋ก็อธิบายประมาณว่า 
劉光(เรียวโก[อ่านแบบญี่ปุ่น] อันนี้เท่าที่ไปค้นมาเหมือนจะเป็นชื่อที่ทางค่ายเกมเขาคิดขึ้นมาเอง ไม่น่าจะเกี่ยวกับตัวละครของประวัติศาสตร์สามก๊กจริงๆ) นั้นเป็นบรรพบุรุษของเขาและก็พ่อของเขา กวนเตงพอได้ยินชื่อ ก็บอกว่านั้นเป็นบรรบุรุษของท่านเล่าปี่นี่นา หรือก็คือ... จูล่งก็พูดต่อว่า ท่านเล่าปี่กับท่านเล่ากี๋เป็นญาติห่างๆกันสินะ โซโซก็ตกใจยังไม่เชื่อในทันที เล่ากี๋ก็เลยเล่าย้อนไปว่า สมัยตอนของเรียวโกนั้นทุกๆคนต่างก็มีหูแมวเหมือนกัน แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ว่าคำสาปดวงตาสีทองนั้นถูกอาบล้างไป รูปร่างเลยเปลี่ยนไปเหมือนมนุษย์ธรรมดาๆ คนในแคว้นเกงจิ๋วเลยเปรียบเสมือนกับบรรพบุรุษของเผ่าแมวทุกๆคน แล้วจากนั้นเล่ากี๋ก็บอกให้พวกเผ่าแมวช่วยกลับไปที่แคว้นเกงจิ๋วด้วยกัน พวกเรานั้นยินดีต้อนรับ 

เผ่าแมวคนอื่นๆรออยู่แถวๆนอกเมือง เมื่อเราสี่คนเดินมาถึงตัวเมืองซงหยง(เมืองหลวงของแคว้นเกงจิ๋ว) เตียวหุยก็บอกว่าในตัวเมืองสุดยอดไปเลยเนอะ เล่าปี่ก็พูดออกมาว่าถ้าทุกๆคนมาด้วยกันก็คงจะดี เล่ากี๋ก็บอกขอโทษ เราก็เลยบอกว่าไม่ใช่ความผิดของเล่ากี๋หรอก จูล่งก็บอกต่อว่าอย่าไปคิดมากเลย  แต่ระหว่างนั้นก็มีเสียงซุบซิบของคนในเมืองแว่วหูมา เตียวหุยบอกว่าไม่เห็นเหมือนที่เคยคุยกันไว้เลยว่าไม่แบ่งแยก แต่ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าต้องโดนพูดแบบนี้ เราก็บอกเตียวหุยว่าช่วยไม่ได้นี่นา เล่ากี๋ก็พูดขอโทษอีกครั้ง แต่เล่าปี่(ที่ตอนนี้มีความคิดแบบเด็กๆ )บอกว่าไม่เป็นอะไรหรอก พวกเราสบายดี แต่เรารู้ว่าความจริงแล้วเล่าปี่นั้นไม่ได้รู้สึกสบายดีตามที่พูดออกมา  

คนซ้าย - เล่าเปียว , คนขวา - ??? (อ่านต่อสิแล้วจะรู้ * v * )

ตัดมาที่วังในเมืองซงหยง พอมาถึงเล่ากี๋ก็ทักทายเล่าเปียวผู้เป็นพ่อของตน (เล่าเปียวนั้นแหละ ที่เป็นบุคคลปริศนาตอนท้ายบทแรก ) ระหว่างที่เล่ากี๋กับเล่าเปียวคุยกันเรื่องเผ่าแมว คนที่อยู่ใกล้ๆกันสงสัยเลยถามเล่าเปียว จากนั้นเล่าเปียวกับคนๆนั้นก็คุยกัน


เราถามเล่ากี๋ว่าคนๆนั้นคือใครเหรอ เล่ากี๋บอกเขาคนนั้นคือ กุนซือจูกัดเหลียง(ขงเบ้ง) เราก็คิดว่าเขาดูเป็นคนที่สุดยอดเลย จากนั้นขงเบ้งก็ถามว่าคนที่อยู่ตรงนั้นคือเผ่าแมวสินะ เล่าเปียวก็ตอบขงเบ้งว่า พวกเขาเคยอยู่ในพื้นที่ของโจโฉมาก่อน แต่เพราะเกิดเหตุเลยต้องหนีมาน่ะ ที่เกงจิ๋วนี้ก็มีบรรพบุรุษของพวกเขาอยู่ เลยคิดที่อยากจะต้อนรับพวกเขาน่ะ ขงเบ้งก็ตอบรับไปว่าเป็นอย่างนี้นี่เอง จากนั้นเล่ากี๋ก็มาสะกิดบอกว่า ต้องการที่จะแนะนำตัวกับพวกเผ่าแมวไหม เล่าเปียวฟังไปก็นึกได้ว่ายังไม่ได้แนะนำตัว ไม่แนะนำตัวก็เสียมารยาท จากนั้นเล่าเปียวก็แนะนำตัว แล้วบอกว่าเชิญตามสบายเลย เล่าปี่ก็บอก ขอบคุณนะ คุณลุง ! เล่าเปียวถาม ท่านผู้นี้คือใครกัน เล่าปี่ก็บอกชื่อตัวเองไป จากนั้นเล่าเปียวก็คุยกับเล่าปี่ต่อด้วยความสนิทสนม ขงเบ้งถามต่อว่า แล้วจะให้พวกเขาเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหนเหรอ เล่าเปียวบอก เขาคิดที่จะยกเมืองในแคว้นนี้ให้ แล้วถามพวกเราว่าคิดยังไงล่ะ พวกเรา(เว้นเล่าปี่)ก็....อึ้งกันไป เล่าเปียวก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นปฏิกิริยาของพวกเรา เล่าปี่ก็ถามเมืองใหม่นี่คือบ้านใหม่ใช่ไหม เราตอบเล่าปี่ว่าก็ใช่นั้นแหละ แต่เราก็ไม่นึกว่าเขาจะยกเมืองให้พวกเรา ขงเบ้งก็พูดออกมาว่า จะยกเมืองให้พวกเขาสินะ เล่าเปียวถามว่า ขงเบ้งไม่เห็นด้วยอย่างนั้นเหรอ ? ขงเบ้งก็ตอบว่าไม่ใช่ ถ้าท่านเล่าเปียวอยากจะให้ เขาไม่มีสิทธิเข้าไปยุ่งหรอก เล่าเปียวก็ตอบขงเบ้งไปว่า อย่าถ่อมตนไปเลยท่านกุนซือ จากนั้นก็บอกว่า อยากให้พวกเรารับเมืองในแคว้นนี้ด้วย เราก็คุยกับเล่าเปียว เล่าเปียวบอกว่าที่เขาอยากยกเมืองให้กับพวกเราก็เพราะไหนๆก็มีบรรพบุรุษร่วมกัน เราก็ตอบรับความต้องการของเล่าเปียว แล้วเล่าเปียวก็บอกว่าเป็นเวลาในรอบ 300 ปีที่ตระกูลเล่าอยู่รวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง แล้วบอกว่าคืนนี้จะจัดงานเลี้ยงที่วังแห่งนี้ แล้วก็เชิญขงเบ้งมาร่วมงาน ซึ่งขงเบ้งก็ตอบรับว่าจะร่วมฉลองด้วย 

ตัดมาตอนกลางคืน เผ่าแมวทุกๆคนก็มาร่วมงานนี้ด้วย เล่าเปียวบอกว่าสนุกกันให้เต็มที่เลยนะ ซึ่งทุกๆคนก็ต่างร่วมสนุกสนานไปกับงานนี้กัน แต่โซโซนั้นกลับถอนหายใจออกมา จนกวนเตงถามว่าเป็นอะไรไป โซโซบอกว่าทุกคนมัวแต่สบายใจกันอยู่ได้ ไม่สงสัยกันเลยรึไง เตียวหุยบอกมันก็จริงนั้นแหละ แต่ที่สำคัญคือที่อยู่ของทุกๆคนใช่ไหมล่ะ ?  โซโซตอบบอกว่าก็คิดอยู่หรอก แต่ว่าพอโดนเตียวหุยพูดแบบนี้ รู้สึกหงุดหงิดแฮะ เตียวหุยก็ฉุน หมายความว่ายังไงกัน กวนเตงก็บอกว่าอย่าทะเลาะกันเลยน่า มาสนุกกันเถอะ แต่เหมือนว่ากวนเตงจะสนุกไปออกนอกหน้าไปหน่อย ฝ่ายเล่ากี๋ก็ขออนุญาตเล่าเปียวกลับเมืองกังแฮ เล่าเปียวพูดว่าเมืองกังแฮเป็นเมืองที่แข่งแกร่ง แต่หากเกิดอะไรขึ้นมาแคว้นเกงจิ๋วนี้แหละที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการรบ แล้วบอกว่าเล่ากี๋น่ะหัวดีอยู่แล้ว ถึงโดนข้าศึกโจมตีก็ใจเย็นได้ ใช่ไหมล่ะ กุนซือจูกัดเหลียง ขงเบ้งก็ตอบไปว่า ใช่แล้ว ถ้าเป็นท่านเล่ากี๋ละก็ต้องไม่เป็นไรแน่นอน แล้วเหมือนเล่าเปียวเกือบหลุดปากพูดอะไรออกมานี้แหละ เพราะสัญญาไว้กับขงเบ้งว่าจะไม่พูด ขงเบ้งก็เงียบไม่พูดอะไร พอเล่าปี่ได้ยินว่าเล่ากี๋จะกลับไปเมืองกังแฮเล่าปี่ก็หงอย ถามเล่ากี๋ว่าจะกลับแล้วเหรอ ทั้งที่เป็นเพื่อนกันแล้วแท้ๆ เล่ากี๋ก็บอกขอโทษที่ต้องกลับก่อน แต่ว่าระหว่างเมืองซงหยงกับเมืองกังแฮก็สามารถไปมาหาสู่กันได้ เล่าเปียวก็บอก ใช่แล้วล่ะถ้าอยากจะมาเล่นกับฉันหรือเล่ากี๋ก็มาได้เลยนะ เล่าปี่พอได้ยินแบบนั้นก็ดีใจ จากนั้นเราก็เข้าไปขอบคุณเล่าเปียวที่ช่วยพวกเราไว้ หากมีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ เล่าเปียวก็ตอบว่าอย่าไปคิดมากเลย แล้วบอกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นในเมืองนั้น เขาอยากได้พลังของพวกเรามาช่วย เราก็งงไปสักพัก แล้วเราตอบไปว่าแน่นอน ไม่ว่ายังไงเมื่อถึงตอนนั้นพวกเราช่วยแน่นอน เล่าเปียวก็ตอบขอบคุณ โดยที่ขงเบ้งนั้นเหมือนจะแอบมอง(?) การสนทนาระหว่างเรากับเล่าเปียวอย่างเงียบๆ

ตัดมาที่ห้องของขงเบ้ง เล่าปี่(ที่มีความคิดแบบผู้ใหญ่)เข้ามาหาขงเบ้งเพราะมีเรื่องจะคุยด้วย ขงเบ้งก็ตอบว่าเขาไม่สนใจเรื่องที่จะมาคุยหรอก แต่ท่าทีต่างไปจากเดิมเลยนะ เล่าปี่ก็บอกว่า นี่คือบุคลิกดั้งเดิมของเขาน่ะ แล้วก็คุยกัน เล่าปี่บอกถึงแม้จะได้เมืองมาแต่วันที่ต้องสู้กับพวกโจโฉก็ต้องมาถึง ขงเบ้งก็ตอบว่าท่านเล่าเปียวไม่ได้แค่ให้เมืองอย่างเดียวหรอก ที่เกงจิ๋วนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ พวกโจโฉนั้นต้องเล็งที่นี้ไว้แน่ เล่าปี่ก็ตอบ เพราะแบบนี้ถึงอยากให้พวกเราไปอยู่ในเมืองนั้นสินะ ขงเบ้งก็ตอบว่า ใช่แล้ว แต่ก็ตัดสินของท่านเล่าเปียวน่ะซื่อสัตย์มาก พูดกับท่านเล่าเปียวด้วยความซื่อสัตย์ไปดีกว่า เล่าปี่ก็บอกว่านั้นสินะ เขาก็คิดเหมือนกันแต่ว่า... ขงเบ้งพูดต่อ ว่าไม่อยากให้เกิดการต่อสู้สินะ ถ้าคิดอย่างนั้นไม่หนีออกไปจากเมืองนั้นไม่ดีกว่าเหรอ เล่าปี่ก็ตอบมาว่า ถึงหนีไปที่ไหนหลังจากนั้นก็คงเหมือนเดิม สุดท้ายขงเบ้งบอกว่าความจริงแล้วเล่าปี่น่ะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอะไร เล่าปี่ก็ตอบว่าจริงนั้นแหละ ตอนนี้เขายังมีปัญหาอยู่ แล้วก็ขอบคุณขงเบ้งที่ช่วยตอบอะไรเขามากมาย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาใหม่ ขงเบ้งก็บอกว่าตามใจ สุดท้ายเล่าปี่ก็ขอบคุณอีกครั้งแล้วก็บอกราตรีสวัสดิ์ 

ตัดมาที่ห้องที่เรานอนหลับอยู่ เล่าปี่พูดกับเราที่นอนอยู่ว่าตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บปวดอยู่รึเปล่านะ ? เขาขอโทษ...

วันรุ่งขึ้นเราเดินเข้าไปในเมืองแต่ก็ไม่วายโดนคนซุบซิบนินทาอยู่ดี แต่ขณะนั้นก็มีผู้ชายคนนึงจ้องมาทางเรา จนผู้ชายคนนั้นเข้ามาหา

??? : นี่เธอ
เรา : คะ ??
เรา : (แต่ว่า , อยู่ใกล้เกินไปแล้วนะ ! )
??? : นั้นน่ะ ของจริงเหรอ ?
เรา : นั้นที่ว่าเนี่ยคือ ?
??? : ก็นี่ไง

ผู้ชายคนนั้นยื่นหน้ามาใกล้ๆแล้วจับหูเรา เราตกใจ แต่ผู้ชายคนนั้นถามต่อว่า หูนี่น่ะของจริงเหรอ เราก็บอกว่าหยุดนะ ! อย่ามาพูดใกล้ๆหูเรานะ พอเขาเห็นท่าทางของเรา ก็พูดว่า ว่าแล้วเชียว , ของจริงสินะ เราก็ตอบ เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดใกล้ๆหูเราได้ไหม ! เขาก็ตอบเราว่า เข้าใจแล้ว,นี่ของตอบแทน แล้วจากนั้นเขาก็จุ๊บหูเรา เราตกใจมาก ! เราเลยผลักเขาคนนั้นแล้ววิ่งออกไป

ตัดมาตอนกลางคืน เราเห็นว่าเล่าปี่นั้นเดินออกจากห้องเราเลยตามไปเงียบๆ

เล่าปี่มาหาขงเบ้งนั้นเอง เล่าปี่บอกว่าเขาคิดออกแล้วว่าอยากจะทำอะไร เลยมาขอความคิดเห็นจากขงเบ้ง โดยเราที่ตามเล่าปี่มาก็แอบฟังอยู่เงียบๆ

เล่าปี่พูดพูดออกมาว่าอยากจะอยู่ด้วยกันกับเผ่าแมวทุกๆคน... ขงเบ้งบอกว่า คำตอบแบบนี้ชัดเจนดีนะ แต่ว่าความฝันเด็กๆแบบนี้ ฉันจะไม่พูดอะไรหรอก พูดต่อได้เลย เล่าปี่ก็พูดต่อ ความฝันเด็กๆงั้นเหรอ นั้นสินะ อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ ขงเบ้งก็บอก เล่าปี่น่ะฉลาดนะ เข้าใจจริงๆอย่างนั้นเหรอ แล้วคิดจะทำยังไงล่ะ เล่าปี่ก็บอกว่า อย่างที่เห็นตอนนี้ พวกเราทำได้แค่หนีเท่านั้น แต่ถ้าจะให้หนีต่อไปก็คงไม่ได้ แต่ว่า เพื่อจะอยู่กับทุกๆคนได้โดยไม่ต้องหนีน่ะ พลังนั้นเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อที่ใครๆก็ไม่สามารถใช้การได้ พลังในการต่อสู้ยังไงล่ะ ขงเบ้งก็พูด แล้วต่อจากนั้นล่ะ เล่าปี่ก็พูดว่า เพื่อที่จะได้พลังนั้นมาไว้ในมือ ประเทศนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น ประเทศของพวกเราเผ่าแมว ... เราที่แอบฟังอยู่ข้างนอกก็ตกใจ คิดว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เล่าปี่คิดเรื่องแบบนี้ เล่าปี่บอก เขากลังว่าเขาจะเผลอไปทำร้ายคนสำคัญของเขาอีก ซึ่งเขาไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกแล้วเพราะเผ่าแมวทุกๆคนเป็นคนที่สำคัญสำหรับเขา เพราะอย่างนั้นประเทศจึงต้องกำเนิดขึ้น ขงบ้งถามว่าแล้วจะสร้างประเทศขึ้นมายังไงล่ะ มันไม่ใช่ของที่จะสร้างขึ้นง่ายๆนะ เล่าปี่บอกว่าเขาเข้าใจ เพราะงั้นถึงต้องการพลังของขงเบ้ง ขงเบ้งถามว่าทำไมล่ะ เล่าปี่บอกว่า เพราะขงเบ้งน่ะคอยเฝ้ามองโลกนี้อยู่ตลอดเวลา คนแบบนี้เนี่ยแหละที่จำเป็น เพราะเขาในตอนนี้น่ะไร้พลัง เลยรู้สึกเจ็บปวดมากๆ แล้วอยู่ๆเล่าปี่เปลี่ยนโหมดซะงั้น เราที่เอะใจเลยเปิดประตูไปห้ามให้เล่าปี่(โหมดดาร์ค) เล่าปี่ก็งงว่าเราอยู่ที่นี้ได้ยังไง ขงเบ้งก็พูดว่าแล้วเชียว เราน่ะแอบฟังมาตลอดเลยสินะ เราก็ขอโทษขงเบ้ง  แต่แล้วอยู่ดีๆเล่าปี่ก็เข้ามาใกล้ๆเราแล้วบอกว่าอยากเจอมาตลอดเลย ! เวลาที่อยู่ด้วยกันแค่สองคนนี้แหละที่รอคอย (!!) ขงเบ้งบอกไม่ได้อยู่กันแค่สองคนนะ สุดท้ายคุยกันไปมาขงเบ้งก็บอกว่าจะช่วยเล่าปี่เอง เล่าปี่ (ที่เปลี่ยนกลับไปเป็นโหมดดี)ก็บอกขอบคุณขงเบ้ง บอกว่าช่วยได้มากเลย แต่ขงเบ้งก็บอกว่าเขาคงช่วยเรื่องออกไปรบไม่ได้หรอก เล่าปี่บอกว่า ไม่เป็นไรเพราะสิ่งๆต่างๆที่ขงเบ้งคิดมันก็ดีหมดแหละ เพราะเป็นกุนซือนี่น่ะ แล้วบอกต่อว่า ก่อนอื่นคงต้องย้ายไปอยู่ในเมืองนั้นก่อนสินะ เพราะไม่รู้ว่าพวกโจโฉจะโจมตีมาเมื่อไหร่ เราที่ได้ยินแบบนั้นก็ถามด้วยความตกใจ แต่ขงเบ้งบอกว่าเรื่องนี้ยังบอกใครไม่ได้ เราก็บอกแต่ว่า... ขงเบ้งบอกอีกครั้ง ว่าไม่มีเรื่องอะไรที่จะพูดกับเราแล้ว

ตัดมาอีกวัน ขงเบ้งก็ขอตัวเล่าเปียวออกจากการเป็นกุนซือของเล่าเปียว แล้วไปช่วยเป็นกุนซือให้พวกเล่าปี่ เล่าเปียวที่ได้ยินแบบนั้นเสียดายแต่ก็ยอมให้ไป ขงเบ้งบอกว่าขอให้ท่านเล่าเปียวช่วยอะไรอย่างนึงได้ไหม เล่าเปียวบอกได้สิ ขงเบ้งบอกว่าจะยืมทหารมาอยู่ในเมืองได้ไหม เล่าเปียวก็บอกว่าได้ แล้วจะเอาไปเท่าไหร่ล่ะ ขงเบ้งบอกว่าแค่ 6,000 นายก็พอ เล่าเปียวก็ถามว่ามันไม่น้อยไปเหรอ ขงเบ้งก็บอกว่า แค่นั้นนะดีแล้ว เล่าเปียวก็เข้าใจ บอกว่าจะยกทหาร 6,000 นายให้ขงเบ้ง ขงเบ้งก็บอกขอบคุณเล่าเปียว

ตัดมาที่ป่า ทุกๆคนพอรู้เรื่องที่ว่าในเมืองที่จะไปอยู่จะมีทหาร 6,000 นายเข้ามาอยู่ด้วยก็เอะใจว่าจะมีใครมาโจมตีรึไง เราที่กังวลว่าจะบอกเรื่องที่ขงเบ้งบอกว่าห้ามพูดดีไหม ก็กำลังจะพูดกับคนอื่นๆ แต่ขงเบ้งก็เรียกเราซะก่อน บอกว่ามีงานให้ทำ เราเลยต้องตามขงเบ้งไป

เราถามว่าจะไปที่ไหนเหรอ ขงเบ้งก็เงียบไม่พูดอะไร จนเราเรียกชื่อของเขา ขงเบ้งถึงหยุดแล้วก็...


กักตัวเราให้ติดกับต้นไม้ เราถามว่าจะทำอะไรน่ะ !? แต่ขงเบ้งก็พูดขึ้นว่า ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เอาเรื่องนี้ไปพูดกับใครน่ะ เราก็งง ขงเบ้งก็บอกว่าเรื่องที่เมืองจะโดนพวกโจโฉโจมตียังไงล่ะ เราก็บอกว่า ถ้าโจโฉโจมตีเข้ามาจริงก็ควรจะบอกทุกคนด้ว... แต่ขงเบ้งก็ขัดบอกให้เราอยู่เงียบๆซะ ฟังแค่สิ่งที่เขาบอกก็พอ เราก็เถียง แต่ขงเบ้งก็พูดดังขึ้นบอกว่า อยู่เฉยๆซะ ! จนเรายอมเงียบ แล้วขงเบ้งก็บอกว่าถ้าเข้าใจแล้วก็ไปซะ อย่าทำเรื่องที่ไม่จำเป็นอีก

เรามาถึงเมือง มีคนออกมาต้อนรับพวกเรา แต่กวนเตงก็พูดออกมา ว่าไม่เป็นไรแน่เหรอ หน้าซีดเชียว โซโซก็บอกว่าความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้อยากจะให้พวหเรามาที่นี้หรอก ขงเบ้งก็พูดกับคนๆนั้นจนเสร็จแล้วก็บอกให้พวกเราเข้าไปกัน แต่พวกเผ่าแมวคนอื่นๆก็แอบคุยกัน จนเรากังวลใจ จูล่งบอกว่าอย่าคิดมากเลย เล่าปี่(ที่มีความคิดเป็นเด็ก) ก็บอกว่าใช่แล้ว ! ดีใจน่ะที่ได้มากับทุกๆคน เตียวหุยก็บอกว่า มาเริ่มสร้างหมู่บ้านด้วยกันอีกครั้งเถอะ เราก็ตอบไปว่านั้นสินะ

ตัดมาฝ่ายโจโฉ กาเซี่ยงพูดว่าตอนนี้พวกเผ่าแมวนั้นอยู่ที่แคว้นเกงจิ๋ว แล้วบอกว่าเล่าเปียวได้ยกเมืองให้พวกเผ่าแมว แถมยังได้ขงเบ้งไปเป็นกุนซืออีก โจโฉถาม หมายความว่าขงเบ้งก็เป็นพวกของเผ่าแมวแล้วสิ กาเซี่ยงบอกว่าความฉลาดของขงเบ้งกับพลังของพวกเผ่าแมว เมื่อสองอย่างนี้เป็นหนึ่งเดียวกันจะกลายเป็นปัญหา เตียวเลี้ยวก็บอกว่า นอกจากนั้นก็เป็น บ้านของตระกูลเล่า สินะ แฮหัวตุ้นถามว่า มันคืออะไรกัน แล้วเตียวเลี้ยวก็เล่าว่าได้ฟังมาจากท่านลิโป้มาน่ะว่าแคว้นเกงจิ๋วเป็นแคว้นบรรพบุรุษของเผ่าแมวที่เรียวโกนั้นสร้างขึ้นมา แล้วก็เป็นหนึ่งในรอบ 300 ปีที่เผ่าแมวทุกๆคนกลับไปที่แคว้นนั้น พอโจโฉได้ยินเรื่องที่เตียวเลี้ยวพูด ก็บอกว่าน่าสนใจนี้ แล้วก็กลายเป็นว่า โจโฉประกาศจะยกทัพไปที่เกงจิ๋วและเมืองที่พวกเล่าปี่อยู่ จะเอาพวกเผ่าแมวกลับมาแล้ว และเอาแคว้นเกงจิ๋วมาอยู่ในมือของเขาซะซะ ซึ่งบอกให้แฮหัวตุ้นเป็นคนคุมทัพ ซึ่งแฮหัวตุ้นก็รับบัญชา .... โดยที่วันต่อมานั้นแฮหัวตุ้นได้ล่องเรือออกไปพร้อมกับทหารอีก 1 แสนคน

 - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
บทที่ 3

ที่หมู่บ้านเผ่าแมวในเมืองนั้น เราเรียกหาเล่าปี่เท่าไหร่ก็หาไม่เจอ โซโซก็ทักว่าท่านเล่าปี่ไม่อยู่อย่างนั้นเหรอ เราก็บอกว่าใช่แล้วล่ะ กวนเตงก็บอก หรือว่าจะไปที่นั้น โซโซก็บอกว่า อีกแล้วเหรอ ท่านเล่าปี่ไปทำอะไรกัน พอเราได้ยินแบบนั้นก็พากันเดินไปที่นั้น

เรา โซโซ และกวนเตงเดินมาจนหยุดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เราเรียกถามว่าเล่าปี่อยู่ไหม พอเล่าปี่ตอบกลับเราเลยเข้าไปข้างใน พอเราเข้าไปเราก็เลยถามว่า เล่าปี่ , มาเล่นกับขงเบ้งอีกแล้วเหรอ แล้วโซโซก็ถามต่อว่าทำไมท่านเล่าปี่ถึงมาหาขงเบ้งทุกๆวัน เล่าปี่ก็ตอบ เพราะว่าขงเบ้งน่ะ รู้ทุกๆอย่างเลย อย่างวันนี้ถามว่า ทำไมตอนกลางคืนถึงไม่เห็นดวงดาว เขาก็ตอบได้ทันทีเลยล่ะ กวนเตงก็บอก สุดยอดไปเลย ไม่ใช่เหรอ! โซโซไม่ชอบใจก็เลยตะโกนใส่กวนเตง จากนั้นเราก็ขอโทษขงเบ้งที่เล่าปี่มารบกวนอยู่บ่อยครั้ง ขงเบ้งก็บอก มาขอโทษอะไรกัน จากนั้นขงเบ้งก็คุยกับเรา จากนั้นก็ไปคุยกับเล่าปี่ เราอยากถามเรื่องที่ว่าโจโฉจะมาโจมตีเมืองนี้กับขงเบ้งแต่ก็ไม่กล้า ขงเบ้งเห็นท่าทางของเราก็บอกว่า อะไรกัน ถ้ามีอะไรอยากพูดก็พูดมาสิ เราก็ไม่กล้าพูดออกไปไม่กี่คำ ขงเบ้งบอกให้เลิกพูดเลย เราก็เซ็งคิดในใจ ทั้งที่บอกว่าให้พูดอะไรก็พูดมาแท้ๆ เราก็พูดกับขงเบ้งต่อ บอกว่าเข้าใจแล้ว งั้นมาพูดเรื่องอื่นกันเถอะ ขงเบ้งก็ถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่าให้ตายสิ ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญจริงๆ ขงเบ้งก็บอกเล่าปี่ว่า ตอนนี้เขาไม่ว่างต้องทำงานต่อ พอเล่าปี่ได้ยินก็บอกว่า เข้าใจแล้ว เดี๋ยวเขาจะไปนอนพักต่อ แต่อย่าเป็นเพื่อนที่ไม่ดีกับเราล่ะ ขงเบ้งก็บอกเข้าใจแล้ว เขาน่ะเป็นเพื่อนที่ดีมากกับเราจะตาย พอเราได้ยินแบบนั้นก็คิดในใจว่า โกหก ! กวนเตงก็บอกเดี๋ยวพวกฉันจะพาท่านเล่าปี่ไปก็แล้วกัน เราก็บอก ฝากเล่าปี่ไว้กับทั้งสองคนด้วยนะ พอกวนเตงกับโซโซพาเล่าปี่ออกไป เราก็พูดกับขงเบ้ง เป็นเพื่อนที่ดีอะไรกัน... ขงเบ้งก็ตอบไป(ตรงนี้แปลไม่ออก) เราก็พูดว่าทำไมนายถึงชอบพูดแบบนี้อยู่เรื่อย อย่างกับคิดว่าเกลียดเราอยู่อย่างนั้นแหละ ขงเบ้งก็ชอบ ใช่ ไม่ชอบเลย เราก็ร้องเอ๋ !? ขงเบ้งก็บอกแต่ก่อนหน้านั้นน่ะ เกลียดมากเลยต่างหากล่ะ แล้วขงเบ้งก็บอกให้เราพูดเรื่องที่อยากถาม เราก็ถามว่าทำไมขงเบ้งไม่บอกเรื่องที่โจโฉจะมาโจมตีที่นี้กับทุกคน ขงเบ้งบอกว่าเพราะมันไม่จำเป็นยังไงล่ะ เราก็ถามทำไมล่ะ ? ขงเบ้งกลับตอบว่า จะไม่พูดอีกเป็นครั้งที่สอง การเอาเรื่องนี้ไปพูดกับทุกคนนั้นไม่จำเป็น เราก็ถามอีกครั้งว่า ทำไมถึงไม่ให้พูดล่ะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่านายคิดอะไรอยู่ ขงเบ้งก็ตอบว่า ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ เราก็บอกว่าแบบนั้นไม่ได้หรอก ก็ในเมื่อมากับพวกเราแล้วแท้ๆ และก็ต้องอยู่ด้วยกันตลอดด้วย พอขงเบ้งโดนเราถามอีกรอบก็พูดออกมา ไม่ว่ายังไงเราก็เป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญจริงๆนั้นแหละ แล้วก็พูดต่อ เข้าใจแล้วนะ จบการพูดแต่เพียงเท่านี้ วางใจเถอะ พอเราได้ยินที่ขงเบ้งพูดแบบนั้น ก็ถามว่าพูดแค่นี้เหรอ ยังไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด !!? ขงเบ้งก็บอก ใช่แล้วล่ะ แล้วขงเบ้งก็บอกว่าเขามีอีกเรื่องที่จะบอกเรา ขงเบ้งบอกว่า โจโฉน่ะคงจะตั้งเป้าที่นี้ให้มาเป็นอีกส่วนหนึ่งของก๊กเขาด้วย พอเราได้ยินแบบนั้นก็ร้อง เอ๋~ !!!(อีกรอบ)

ตัดมาเรามานั่งคิดเรื่องที่คุยกับขงเบ้งแถวๆทุ่งหญ้า จูล่งก็ถามว่า เราเป็นอะไรหรือเปล่า เราตกใจที่อยู่ดีๆจูล่งก็โผล่ เลยบอกว่าไม่มีอะไร แล้วถามจูล่งว่ามาทำอะไรที่นี้งั้นเหรอ จูล่งก็ตอบมาว่าเขามายืดเส้นยืดสายซะหน่อยจากนั้นก็ชวนเราเป็นคู่มือเขาให้หน่อย เพราะไม่รู้ว่าพวกโจโฉจะบุกมาเมื่อไหร่ เราก็จะได้ยืดเส้นยืดสายไปกับเขาด้วย

เราก็เลือกที่จะเป็นคู่มือให้ แล้วตรงนี้ก็จะมีการทบทวนระบบเกมให้เราได้ทราบกัน


เมื่อเกิดเหตุการณ์ในเกมที่มีระบบนี้ขึ้นมา จะมีการนับถอยหลังเป็นแถบสีแดงด้านซ้ายถอยหลังจากขวาไปซ้ายตามการกดปุ่มวงกลมของเราจนกระทั่งกลายเป็นแถบสีดำ เป็นการให้เราเลือกตัดสินใจที่จะทำหรือไม่ทำตามแถบข้อความด้านซ้ายเช่น ถ้าเลือกที่จะต่อสู้หรือช่วยใครในเหตุการณ์นั้นๆ เราต้องกดปุ่มลูกศรขวาก่อนที่แถบสีแดงจะกลายเป็นแถบสีดำแล้วก็เลือกตัวเลือกด้านซ้าย(คำว่าはい) แต่ถ้าเราเลือกที่จะไม่ทำก็กดปุ่มวงกลมไปเรื่อยๆจนกว่าแถบสีแดงจะกลายเป็นแถบสีดำ 

ระบบต่อสู้  จะมีเมื่อเราต้องสู้กับใครคนนึงตามเหตุการณ์นั้นๆ ระบบนี้จะมีวงกลมขึ้นมา แล้วเมื่อเราสู้ วงแหวนสีแดงในวงกลมก็จะเล็กลงจนเป็นวงกลมสีแดงที่อยู่ด้านในสุด พอถึงตรงวงกลมสีแดง เราก็ต้องกดปุ่มสี่เหลี่ยมเป็นการฟันศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเรา
แล้วพอเสร็จจากการทบทวนระบบการเล่นเราก็ขอบคุณจูล่งที่ช่วยฝึกกับเรา

ตัดมาฝั่งโจโฉกับกาเซี่ยงนั้นคุยกันอยู่ โจโฉบอกว่ายังไงซะแฮหัวตุ้นก็คงจะชนะอยู่แล้วล่ะ กาเซี่ยงบอกว่า จนกระทั่งถึงตอนนี้เขายังคิดอยู่ว่าทหารแสนห้าหมื่นคนมันยังไม่จำเป็นรึยังไง ท่านโจโฉนี้แปลกชะมัด แล้วก็ถามต่อว่า เตียวเลี้ยวหายไปไหนซะล่ะ โจโฉก็บอกว่าคงจะตามแฮหัวตุ้นไปละมั้ง

ตัดมาฝั่งเราพอได้รู้ว่าพวกโจโฉกำลังจะมาโจมตีที่นี้ เผ่าแมวคนอื่นๆก็คิดหนัก แต่ยังไงซะขงเบ้งก็บอกว่าจะเอาทหารหกพันคนไปสู้อยู่ดี โซโซก็ถาม ไม่ใช่ว่านายรู้อยู่แล้วรึยังไงว่าโจโฉจะมาโจมตีที่นี้ เผ่าแมวคนอื่นๆก็ถามต่อใหญ่ สุดท้ายขงเบ้งก็ตอบ ว่าเขารู้อยู่แล้วล่ะ เราก็ตกใจที่ขงเบ้งตอบไปแบบนั้น เราก็คิดในใจว่าขงเบ้งคิดอะไรอยู่เนี่ย !? แล้วจูล่งก็ถามต่อ ว่าถ้าท่านกุนซือรู้อยู่แล้วทำไมถึงไม่บอกพวกเราล่ะ ขงเบ้งก็บอกว่าถึงบอกไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่ดี ทำเอาเผ่าแมวคนอื่นๆฉุนกันตามๆไป ขงเบ้งก็บอกว่าให้พวกเราอยู่เฉยๆซะฟังตามที่เขาพูดแล้วไปสู้ก็พอ ทำเอาเตียวหุยโกรธทำท่าจะหาเรื่องขงเบ้ง แต่เล่าปี่ก็มาขัดไว้ทันพอดี บอกว่าอยากให้เผ่าแมวทุกๆคนฟังเขาด้วย เล่าปี่ก้มหัวบอก เขาอยากให้ทุกๆคนเผ่าแมวเชื่อขงเบ้งไว้ เพราะเขามีพลังที่พวกเราไม่มี พอเห็นอย่างนั้นเผ่าแมวก็บอกให้ท่ายเล่าปี่เงยหน้าขึ้นมาเถอะ ขงเบ้งก็บอกให้เล่าปี่เงยหน้าขึ้นมาเหมือนกัน เล่าปี่ก็บอก ก็เพราะเป็นผู้นำยังไงล่ะ เขาน่ะอยากปกป้องทุกคน เพื่อการนั้นไม่ว่ายังไงก็ตาม ทุกๆคนก็เงียบไป จนกระทั่งเตียวหุยบอกว่าเขาเข้าใจแล้ว เขาจะเป็นพลังให้เอง แต่เขาก็ยังไม่เชื่อขงเบ้งอยู่ดี โซโซก็บอกที่เตียวหุยพูดน่ะถูกแล้วล่ะ พวกเราน่ะไม่ได้เชื่อใจขงเบ้งหรอกนะ แต่ที่เชื่อใจขงเบ้งก็เพราะท่านเล่าปี่เชื่อใจเท่านั้นแหละ ขงเบ้งก็บอก แค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว จากนั้นเขาก็บอกแผนพร้อมสั่งการไปในตัว

แผนการ( ถ้าแปลไม่ผิดนะ )
จูล่งพาทหาร 1,000 คนไปล่อทัพ --> โซโซกับกวนเตงเตรียมใช้ไฟจัดการทัพ (อารมณ์ประมาณทะเลเพลิง) --> เรากับเตียวหุยและทหาร 1,000 คนดักรอคนหนี 

จากนั้นขงเบ้งก็พูด เท่านี้ก็ปราบทหาร 1 แสนคนได้แล้ว พอทุกคนได้ฟังก็ตะลึง สุดยอดไปเลย ขงเบ้งก็บอกต่อว่า คนที่คุมทัพในครั้งนี้อาจจะเป็นแฮหัวตุ้นก็ได้ เราก็ตกใจ เตียวหุยก็พูด เจ้าบ้านั้นมาซะแล้วสิ ขงเบ้งก็บอกว่านอกจากจูล่งก็ต้องมีอีกคนนึงที่ต้องไปล่อพวกนั้นมาเหมือนกัน แฮหัวตุ้นต้องตามมาแน่ๆ เราก็ถามว่า ใครล่ะ ขงเบ้งตอบ ท่านเล่าปี่ยังไงล่ะ พอได้ยินแบบนั้นเตียวหุยก็บอก อย่ามาล้อเล่นน่า จะให้เล่าปี่ไปอยู่ในสนามรบเนี่ยนะ !! โซโซก็บอกถ้าทำแบบนั้นเขาไม่ยกโทษให้แน่ๆ เราก็บอกขงเบ้งเหมือนกันว่ายังไงก็คงไม่ได้หรอก ขงเบ้งก็ถามว่า ลองถามท่านเล่าปี่รึยังล่ะ พวกเราก็อึ้งไป เล่าปี่บอก ไม่ว่ายังไงเขาก็อยากไป จนกระทั่งถึงตอนนี้เขาต้องคอยให้ทุกคนช่วยเหลือตลอด แต่ว่าครั้งนี้แหละที่เขาจะได้สู้ไปกับทุกคน เราก็บอกว่าอันตรายแบบนั้นคงให้ไปไม่ได้หรอก ขงเบ้งก็บอกว่า ตอนนี้น่ะท่านเล่าปี่กำลังขอร้องอยู่นะ เราก็ถามเล่าปี่อีกครั้งว่าจะออกไปสู้จริงๆอย่างนั้นเหรอ เล่าปี่ก็ตอบว่าขอบใจนะที่เป็นห่วง แต่ว่าถ้าเขาน่ะถูกปกป้องอย่างเดียว เขาน่ะไม่อยากแล้ว อยากไปร่วมสงครามกับทุกๆคน เผ่าแมวทุกๆคนก็คิดหนัก จนเราตอบเล่าปี่ไปว่าเข้าใจแล้ว ถึงความจริงแล้วจะไม่อยากให้ออกไปก็เถอะแต่ว่าทนเห็นเล่าปี่ทำหน้าเจ็บปวดต่อไปไม่ได้แล้ว เล่าปี่ก็บอกเข้าใจแล้วแล้วก็ขอบคุณเรา แต่เราก็บอกว่าเราจะไปเป็นตัวล่อพร้อมกับเล่าปี่ด้วย เล่าปี่ก็บอกแต่ว่า... โซโซก็บอก เขาก็อยากไปกับท่านเล่าปี่เหมือนกัน อย่างน้อยก็คิดว่าเราไปกับท่านเล่าปี่ด้วยก็ดีกว่า ขงเบ้งก็บอกว่าเอาแบบนั้นก็ได้ แล้วก็เปลี่ยนแผนเล็กน้อย เตียวหุยก็บอกว่าเข้าใจแล้ว เพราะฉะนั้นฝากเล่าปี่ด้วยล่ะ เราก็บอกขอบคุณเตียวหุย แล้วขงเบ้งก็สรุปแผนการอีกครั้ง กวนเตงถาม แล้วขงเบ้งจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ ? ขงเบ้งก็ตอบว่าเขาจะอยู่ที่นี้แหละ แย่หน่อยนะ,แต่เขาคงออกไปสนามรบไม่ได้หรอก เตียวหุยก็พูด เป็นกุนซือแท้ๆแต่ไม่อยู่ในสนามรบเนี่ยนะ !!?

ตัดมาตอนกลางคืนเรานอนคิดเรื่องแผนการของขงเบ้งที่พูดไว้เมื่อตอนกลางวัน แล้วเราก็ตัดสินใจออกไปเดินยืดเส้นยืดสาย เราออกไปข้างนอกก็เห็นค่ายของทหาร เราก็คิดว่านี่คงเป็นค่ายของทหาร 6 พันคนที่จูล่งเรียกมาสินะ แล้วอยู่ดีๆก็มีคนถามว่าเรามาทำอะไรตอนดึกๆดื่นๆแบบนี้ เราก็หันไปมอง คนที่ถามเราคือคนที่เราเจอในเมืองซงหยงนั้นเอง


พอเราเห็นก็ตกใจ เราถามว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี้กัน !? หรือว่าจะเป็นทหารที่มาจากท่านเล่าเปียวสินะ !? เขาก็ตอบไปว่าใช่แล้วล่ะ ประมาณนั้นแหละ แล้วเขาก็ทักว่าผู้หญิงคนเดียวมาเดินตอนกลางคืนแบบนี้มันอันตรายนะ อาจจะเจอพวกไม่ดีเอาก็ได้ เราก็ตอบไปนั้นสินะ อาจจะอันตรายจริงๆนั้นแหละ เดี๋ยวก็จะกลับแล้วล่ะ เขาก็ตอบกลับมาว่าเดี๋ยวเขาจะไปส่ง เราก็บอกไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยเราก็สู้เป็นนะ เขาก็ทักว่า เธอสู้ได้ด้วยอย่างนั้นเหรอ หรือว่าจะออกไปรบในครั้งนี้ด้วย เราก็ตอบไปว่า มันไม่เกี่ยวกับนายสักหน่อย เขาก็บอกว่า ช่วยตอบให้หน่อยไม่ได้รึยังไง เราก็ไม่ตอบบอกว่า ก็นายเป็นคนอันตรายนี่ ! เขาก็บอกว่า อย่าพูดแบบนั้นจะได้ไหม แล้วเราก็บอกว่า ยังไงก็ตาม ฉันไม่คุยกับนายแล้ว ! แล้วเราก็วิ่งไป เขาที่มองดูเราวิ่งออกไปก็พูดออกมาว่า หนีไปอีกแล้วเหรอเนี่ย เอาเถอะ แต่แบบนี้ฉันก็ไม่เกลียดหรอกนะ

เมื่อวันนั้นมาถึงแปลว่าสงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว เล่าปี่ก็บอกว่าจะเริ่มขึ้นแล้วสินะ เราก็บอกเล่าปี่ว่า ต้องไม่เป็นไรแน่นอน เราคิดในใจว่า จากตอนนั้นเล่าปี่ก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ หรือว่าจะเป็นอย่างที่เล่าปี่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าพลังของคำสาปน่ะอ่อนแอลง เล่าปี่ก็ถามว่ามีอะไรรึเปล่า เห็นเอาแต่จ้องหน้าเขาอยู่ เราก็บอกขอโทษ แค่คิดว่าหลังจากวันนั้นเล่าปี่ก็เป็นอย่างนี้ตลอดเลยเท่านั้นแหละ เล่าปี่ก็พูดออกมา สำหรับเราน่ะถ้าเขาไม่ได้กลับไปมีความคิดแบบเด็กๆเราก็คงจะเหงาสินะ  เราก็งง เล่าปี่ก็บอกว่า ขอโทษที่ต้องฟังเรื่องแย่ๆ ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปใส่ใจเลย

จากนั้นสงครามก็เริ่มขึ้นซึ่งจูล่งกับทหารพันนายก็ไปเป็นตัวล่อพาพวกแฮหัวตุ้นมา พวกแฮหัวตุ้นขณะที่ตามจูล่งไปก็พูดออกมาว่าหายไปไหนแล้วเนี่ย ทั้งที่มาทางนี้แท้ๆ ส่วนเตียวเลี้ยวห็ทักขึ้นว่าไม่เห็นพวกเผ่าแมวเลยนะ จากนั้นเหมือนแฮหัวตุ้นก็สังเกตเห็นอะไรสักอย่าง จูล่งก็วิ่งมาจนถึงแถวๆที่เรากับเล่าปี่อยู่บอกว่าให้รีบหนีเถอะ เดี๋ยวพวกแฮหัวตุ้นจะตามมา แต่ยังไม่ทันจะไปไหนแฮหัวตุ้นก็มาถึงซะก่อน แล้วพอแฮหัวตุ้นเห็นเล่าปี่ก็ตกใจว่าทำไมเล่าปี่ถึงมาอยู่ที่นี้ได้ จากนั้นแฮหัวตุ้นก็คิดได้ว่า เล่าปี่ที่อยู่ตรงนี้คือเล่าปี่ในตอนนั้นสินะ ที่ฆ่าคนไปไม่รู้ตั้งกี่หมื่นคนในตอนนั้นน่ะ ! จากนั้นเราก็บอกให้เล่าปี่หนีไป เราจะช่วยถ่วงเวลาไว้ เราก็บอกไปว่าไม่เป็นไร เราต้องกลับไปหาเขาได้แน่ๆ เล่าปี่ก็บอกว่า เข้าใจแล้วแต่ระวังตัวด้วยล่ะ


ตัดมาที่คนสองคนที่กำลังมองดูสถานการณ์ เขาคนนั้นบอกให้อีกคนมองดูการต่อสู้นี้ไว้ให้ดีล่ะ

ตัดมาฝั่งจูล่ง ทหารคนนึงบอกจูล่ง ว่าเรายังอยู่ที่เดิมอยู่เลย จูล่งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราไม่หนีไป ขณะนั้นเราก็ล่อแฮหัวตุ้นมาจนถึงที่ๆจูล่งอยู่ เราก็สู้กับแฮหัวตุ้นอยู่ก็เหมือนกำลังจะเสียเปรียบ แฮหัวตุ้นกำลังจะเผด็จศึกเรา แต่ขณะนั้นเตียวเลี้ยวก็เข้ามาขัดบอกว่ามีเรื่องที่อยากจะคุยกับเรา เราที่เห็นเตียวเลี้ยวก็ตกใจ ถามว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี้ได้ เตียวเลี้ยวก็บอกเราว่าไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ตอนนี้เขาอยู่ฝั่งเดียวกับโจโฉแล้วล่ะ จูล่งก็บอกว่าตอนที่เขาไปล่อทัพเขาก็เห็นเตียวเลี้ยวเหมือนกัน เราก็สลดใจ แฮหัวตุ้นก็ถามว่าทำไมเตียวเลี้ยวต้องเข้ามาขัดเขาด้วย เตียวเลี้ยวก็บอกว่าเขามีเรื่องที่จะขอร้องเรา เตียงเลี้ยวบอกว่า ขอให้เราไปเป็นเจ้านายคนใหม่ของเขาได้ไหม (!!??) เราก็งง จูล่งก็พูดมา หมายความว่ายังไงกัน แฮหัวตุ้นก็ตะโกนถามว่า แกพูดอะไรบ้าๆออกมาน่ะ เตียวเลี้ยวก็ตอบว่าใช่แล้ว ตามที่เคยพูดไว้ตอนนั้นแหละ ว่าเขาอยากรับใช้เรา แล้วก็ขอร้องให้เราช่วยเป็นเจ้านายของเขาด้วยเถอะ เราก็ตอบไปว่า เราคงไม่ไหวหรอก ! ระหว่างนั้นทหารฝ่ายเราก็บอกกับจูล่งว่ากองทัพนั้นเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว จูล่งก็บอกให้เรารีบๆหนีไป เราก็บอกว่าเข้าใจแล้ว แฮหัวตุ้นก็พูดออกมา รอเดี๋ยวสิ คิดว่าฉันจะให้เธอไปง่ายๆอย่างนั้นเหรอ !! เตียวเลี้ยวก็บอก รอก่อน ช่วยพูดกับเขาอีกครั้งนึงด้วย จูล่งก็บอกว่าให้เราหนีไปก่อน เขาจะถ่วงเวลาเอาไว้เอง เราก็หนีไปพร้อมกับพวกทหารส่วนนึง แฮหัวตุ้นกับเตียวเลี้ยวที่เห็นเราหนีไป ก็บอกว่ารอก่อนสิ จากนั้นจูล่งก็บอกว่า เขาเนี่ยแหละจะหยุดทั้งแฮหัวตุ้นกับเตียวเลี้ยวซะ !

ตัดมาที่เรา เราก็บอกเล่าปี่ ขอโทษที่ต้องให้รอ เล่าปี่เห็นเราไม่เป็นอะไรก็ดีใจ ทหารคนนึงก็บอกให้พวกเรารีบหนีไปเถอะ จากนั้นเราก็บอกให้เล่าปี่หนีไปด้วยกัน แต่ไม่ทันไร พวกทหารฝั่งโจโฉก็มา ทหารฝั่งเราก็บอกว่าให้เรากับเล่าปี่หนีไป ขณะที่บอกก็โดนทหารฝั่งโจโฉแทงตายไปทีละคน จนในที่สุดเราตัดสินใจให้เล่าปี่หนีไปก่อน เล่าปี่ก็ถาม พูดอะไรออกมาน่ะ ? เราก็บอกว่าเราจะถ่วงเวลาไว้สักนิด เล่าปี่น่ะรีบหนีไปเถอะ เล่าปี่ก็ไม่ยอม ถ้าไม่ได้ไปกับเราด้วย เขาบอกว่าอีกแล้วเหรอที่เขาได้แต่ถูกปกป้องอย่างเดียว เราก็บอกว่าไม่ว่ายังไงเราอยากปกป้องเผ่าแมวทุกๆคน ชะตากรรมของแคว้นเกงจิ๋วรวมถึงเล่าปี่ด้วยนะ เล่าปี่ก็ไม่ยอม เราก็ขอร้องว่าให้เล่าปี่รีบไปด้วยเถอะ เล่าปี่ก็ตกใจที่โดนเราอุ้มขึ้นขี่ม้าแล้วม้าตัวนั้นก็วิ่งจากไป

เล่าปี่นั้นคร่ำครวญออกมา ว่าทำไมเขาถึงทำอะไรไม่ได้เลย ไม่มีพลังอะไรสักอย่าง ปกป้องอะไรก็ไม่ได้ แล้วก็จะต้องเสียเธอไปอีก ตัวเขาที่เป็นแบบนี้น่ะไม่ต้องหรอก แล้วก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

ฝ่ายเราที่ต่อสู้กับทหารของโจโฉนั้น ก็ต่อสู้ไปจนมีเสียงนึงแว่วมาว่า เธอยังกล้าหาญเหมือนเดิมเลยนะ เราก็หันกลับปมองปรากฏว่าเสียงนั้นคือ


เล่าปี่(ร่างผู้ใหญ่ )นั้นเอง เล่าปี่บอกว่าเราน่ะกล้าหาญแต่ก็อ่อนโยน เขาชอบเราที่เป็นแบบนี้ที่สุดเลยล่ะ เขาไม่อยากให้มือของเราทำร้ายใครอีก เพราะฉะนั้นที่เหลือเขาจะจัดการเอง จะฆ่าพวกมนุษย์ที่สกปรกทุกๆคนเอง... เราก็ถามเล่าปี่ว่าพูดอะไรออกมาน่ะ ? จากนั้นเล่าปี่ก็ทะยอยฆ่าพวกทหารของฝั่งโจโฉไปทีละคนสองคน แล้วเหมือนพวกแฮหัวตุ้นกับเตียวเลี้ยวก็อยู่ไม่ไกลนัก แฮหัวตุ้นไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เตียวเลี้ยวตอบนี้คือพลังของดวงตาสีทอง นี้เป็นการปรากฏตัวที่แท้จริงของเล่าปี่สินะ พอแฮหัวตุ้นรู้ก็พูดสบถออกมาว่า ไอของแบบนี้ไม่น่าจะมีขึ้นมาเลย ! ฝ่ายทหารฝั่งโจโฉที่โดนฆ่าไปทีละคนก็บอกให้รีบหนีเถอะ แฮหัวตุ้นเห็นว่าสถานการณ์ไม่น่าอยู่เลยสั่งให้ทหารทุกคนถอยทัพ

ตัดมาที่คนๆนั้นกับอีกคน(ที่แทบไม่พูดไรเลย)ที่มองดูสถานการณ์อยู่ บอกว่าทัพของโจโฉถอยออกไปแล้วนี่นา หรือว่าจะชนะแล้ว แต่ไม่เห็นเหมือนที่บอกไว้ในแผนการเลยนี่นะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ  แล้วเขาก็ตัดสินใจที่จะไปคอยดูอยู่ใกล้ๆพวกเผ่าแมว เพราะเขาก็ไม่ค่อยชอบโจโฉเท่าไหร่ แถมในเผ่าแมวนั้น ก็มีเด็กที่น่าสนใจอยู่ด้วย แต่ว่าถ้าเป็นแบบนี้โจโฉต้องบุกมามากกว่านี้อีกแน่ๆ คงจะปกป้องเมืองนั้นไม่ได้อีกแล้วล่ะ

ตัดมาตอนกลางคืน พวกเผ่าแมวก็เฉลิมฉลองกันที่ชนะศึกนี้ แต่กวนเตงกับโซโซนั้นบอกว่าน่าแปลกใจที่ไม่เห็นมีใครมาตรงที่ๆพวกเขาอยู่เลย รู้ตัวอีกทีสงครามก็จบลงแล้ว เราก็เลยคิดในใจว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเรากับเล่าปี่เลยสินะ ไม่สิยังมีอีกคนนึง คนที่รู้ทุกอย่างอยู่แล้ว... แล้วขงเบ้งก็ทักเราว่าคิดอะไรอยู่อย่างนั้นเหรอ เราก็ตกใจ ขงเบ้งก็พูดอะไรเนี่ยแหละ (ประมาณว่ารู้อยู่แล้วว่าเล่าปี่ร่างโตต้องโผล่มา) ทำเราชะงักไป เราเลยบอกกับทุกๆคนว่าจะไปหาเล่าปี่ พอเราไป โซโซก็ทักว่าท่านเล่าปี่จะเป็นอะไรรึเปล่านะ หรือว่ากำลังพักผ่อนอยู่ จูล่งก็พูดต่อว่าพอสงครามจบก็ยังไม่เห็นตัวเลยแฮะ กวนเตงก็พูอต่อว่าทั้งที่ชนะแล้วท่านเล่าปี่ก็น่าจะมาหน่อยแท้ๆ ขงเบ้งก็พูดว่าไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม จูล่งพอได้ยินก็โล่งใจแล้วบอกว่าเพราะท่านกุนซือช่วยไว้แท้ๆถึงชนะได้ กวนเตงก็บอกใช่ไหมล่ะ ครั้งนี้โซโซก็ยอมฟังขงเบ้งด้วย โซโซก็ชะงักบอกว่าที่ชนะก็เพราะคำแนะนำของขงเบ้งจริงๆนั้นแหละ แต่ว่าเขาไม่ลืมเรื่องที่ไม่บอกว่าพวกโจโฉจะโจมตีมาหรอกนะ เตียวหุยก็บอกใช่แล้วล่ะ คิดว่าพวกเราไม่รู้อะไรเลยรึไงถึงปิดปากเงียบไว้ ขงเบ้งก็บอกว่าถ้าพวกนายรู้พวกนายก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องให้เขาช่วยอยู่ดี พูออะไรต่อก็ว่าไป จนกวนเตงทักหรือว่าความจริงแล้วขงเบ้งจะเป็นห่วงพวกเรา ขงเบ้งพอได้ยินแบบนั้นก็บอกว่า น่าเสียดายนะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก ที่ฉันทำไปเพราะพวกนายทำอะไรไม่ได้ก็แค่นั้นแหละ กวนเตงก็บอกเพราะอย่างนั้นถึงต้องทำไม่ใช่เหรอ ทำเอาขงเบ้งชะงักไป เตียวหุยก็บอกว่าถ้าเป็นอย่างนั้นก็ช่วยบอกกันให้มากกว่านี้สิ ขงเบ้งก็ซึน(?)บอกว่าทำไมเขาต้องคอยคิดเรื่องของพวกนายด้วย กวนเตงก็ทำใจบอกว่าพวกเขาเคยเจอคนที่น่ารำคาญมาก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นไม่เป็นไรหรอก ขงเบ้งก็งงถามว่า อะไรน่ารำคาญกัน หมายถึงเรื่องที่ฉันพูดออกมานะเหรอ แล้วเหมือนพวกกวนเตงจะพูดถึงลุงเตียวเล็กน้อย แล้วก็พูดว่าถึงลุงเตียวจะไม่อยู่แต่ว่าเราก็ได้เพื่อนใหม่แล้วนี่นะ ขงเบ้งก็ถาม เพื่อนที่ว่าเนี่ยหมายถึงฉันเรอะ หึ... การเชื่อใจคนง่ายๆแบบนั้นรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่แฮะ แล้วก็พูดกันไปสักพักแล้วทุกคนก็หัวเราะกันออกมา เว้นขงเบ้งคนนึงเขาพูดกับตัวเองเบาๆว่า น่าเสียดายนะ ฉันไม่ใช่คนที่ดีอะไรอย่างนั้นหรอก

เราที่ไปหาเล่าปี่ก็ถามหาว่าเล่าปี่อยู่ในบ้านไหม เล่าปี่เขาก็ตอบมาว่าอยู่ เราก็ถามว่าเป็นยังไงบ้าง เล่าปี่ก็ตอบว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ขอโทษนะแต่วันนี้ขอตัวพักก่อนล่ะ เราก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็บอกไปว่าเข้าใจแล้ว ถ้ามีอะไรก็บอกละกัน เล่าปี่ก็บอกขอบคุณเรา

เราที่รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็เดินไปมาจนถึงที่ๆเริ่มสงครามกัน แล้วก็คิดว่าโจโฉคงจะไม่เลิกราเพียงเท่านี้หรอก แล้วก็พูดออกมาว่า โจโฉน่ะ คงมาที่นี้สินะ

ตัดมาที่ฝั่งโจโฉ ก็คุยกัน คุยกันไปคุยกันมาโจโฉก็ประกาศอีกรอบว่าจะโจมตีเมืองนั้นอีกรอบ โดยคราวนี้จะไปกันทั้งหมด 5 ทัพ ทัพละ 1 แสนคน !

 - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

อือหืมมมมมมมมมม รู้สึกว่าเป็นครั้งแรกที่พิมพ์ยาวขนาดนี้ (?) สงสัยพรีวิวรอบหน้าต้องย่อลงหน่อยซะแล้วสิ (ฮา) บางคนอาจจะสงสัยว่าเมืองที่พวกเล่าปี่ไปอยู่ในแคว้นเกงจิ๋วนั้นชื่ออะไรกันแน่ คือมันไม่ชื่อนะคะ เอาแต่เรียกว่าเมืองใหม่ๆอยู่ได้เราเลยเรียกเป็นเมืองนั้นแทนซะเลย ... 
ความจริงแล้วพอประมาณบทสามช่วงที่ฝ่ายเราทราบข่าวว่าพวกโจโฉจะมาโจมตีเนี่ยแหละ ตัวเนื้อเรื่องอาจจะเปลี่ยนไปบ้างตามคำตอบที่เราจีบตัวละครนั้นๆ เพราะที่เราพิมพ์มาทั้งหมดเนี่ยอิงตามคำตอบในเกมที่จะเข้ารูทโจโฉค่ะ = w =      
เอาเป็นว่าครั้งหน้าเราจะรีวิวรูทโจโฉค่ะ !! แต่อาจจะนานหน่อย เพราะเราก็ต้องเตรียมตัวจัดของสำหรับเปิดเทอมอีกไม่กี่อาทิตย์นี้แล้วด้วย ทุกๆคนก็อย่าลืมเตรียมตัวสำหรับเปิดเทอมนี้นะคะ  (ฮา) แล้วเจอกันใหม่ในครั้งหน้าค่ะ !!!  \ > w < /

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น